แบบฟอรม์สรุปผลงานวจิยั/โครงการวจิยั 1 หน้ากระดาษ A4

1. ชื่อผลงาน/โครงการ.การวจิยัและพฒันาเพื่อเสรมิกำาลังอาคารเรยีนต้นแบบเพื่อต้านทานแผ่นดินไหวโดยการใชต้ะแกรงเหล็กฉีกและการถ่ายทอดเทคโนโลยแีก่ชุมชน กรณีตัวอยา่งอาคารเรยีนในพื้นท่ี อ.พาน จ.เชยีงราย

2. ชื่อผลงาน/โครงการResearch and Development for Strengthening of a Prototype School Building for Earthquake Resistant using Expanded Metal and Technology Transferring to a Case Study for School Building in Phan District Chiangrai Community Area

3. ชื่อ นามสกลุ นักวจิยั รองศาสตราจารย ์ดร. ไพบูลย ์ปัญญาคะโป4. ชื่อ นามสกลุ นักวจิยั Associate Professor Dr. Phaiboon

Panyakapo 5. ท่ีอยูท่ี่ติดต่อได้ ภาควชิาวศิวกรรมโยธา คณะวศิวกรรมศาสตร ์

มหาวทิยาลัยศรปีทมุ 2410/2 ถนนพหลโยธนิ จตจุกัร กทม.10900 โทรศัพท์ 02-5791111 ต่อ 2171 โทรสาร 02-5791111 ต่อ 2147 E-mail: phaiboon.pa@spu.ac.th

6. ชื่อหน่วยงาน.....มหาวทิยาลัยศรปีทมุ........................7. ปี พ.ศ. ท่ีดำาเนินการเสรจ็. 2560 ....8. คำาค้น keyword…แผ่นดินไหว การเสรมิกำาลังอาคาร ตะแกรงเหล็กฉีก

……9. อ้างอิง (ใส ่URL ท่ีสามารถเขา้ถึงเอกสารได้กรณีเผยแพรผ่ลงาน

ฉบบัเต็มทางอินเตอรเ์น็ต ถ้าไมม่ใีหเ้วน้วา่งไว้) -

10. รูปภาพ หรอืภาพเคล่ือนไหว (สามารถแยกไฟล์ หรอืใสร่วมไว้ในเน้ือหาได้)

ก) โครงอาคารเสรมิกำาลังเทคนิคเฟอรโ์รซเีมนต์ ข) โครงอาคารเสรมิ

11. คำาอธบิาย 1 หน้ากระดาษ A4 (font Tahoma ขนาด 10 แบบ Regular)(สรุปรายละเอียดผลงานวจิยั/โครงการวจิยั มคีวามยาว 1 หน้ากระดาษ A4 เน้ือหาครอบคลุมถึงความสำาคัญของงานวจิยัชิน้น้ี วตัถปุระสงค์ วธิีการดำาเนินงาน ผลการดำาเนินงาน และประโยชน์ของผลงานวจิยั)

เนื่องจากเหตกุารณ์แผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 6.3 รกิเตอร ์ที่จงัหวดัเชยีงราย เมื่อวนัที่ 5 พฤษภาคม 2557 สรา้งความเสยีหายต่ออาคารจำานวนมาก โดยเฉพาะอยา่งยิง่ อาคารเรยีนในพื้นที่ อำาเภอพาน จงัหวดัเชยีงราย หากอาคารเหล่านี้ได้มกีารออกแบบเสรมิกำาลังโครงสรา้งใหต้้านทานแผ่นดินไหวไวก้่อน ก็จะลดความสญูเสยีที่อาจเกิดขึ้นได้

ทัง้ในด้านชวีติและทรพัยส์นิเป็นอันมาก โครงการวจิยัน้ี มวีตัถปุระสงค์เพื่อพฒันาเทคนิคการเสรมิกำาลังโครงสรา้งอาคารเรยีนด้วยตะแกรงเหล็กฉีกเพื่อใหส้ามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ เป็นการเตรยีมป้องกันเพื่อรองรบัเหตกุารณ์แผ่นดินไหวที่อาจจะเกิดขึ้นอีก โดยมขีัน้ตอนการวจิยั ดังน้ี ก) ทดสอบคณุสมบติัของกำาลังรบัแรงเฉือนผนังอิฐก่อขนาด 0.6 x 0.6 เมตร และทดสอบคณุสมบติักำาลังรบัแรงอัดของปรซิมึอิฐก่อ ทัง้กรณีที่ไมม่กีารเสรมิและมกีารเสรมิกำาลังด้วยตะแกรงเหล็กฉีกจำานวน 4 ชนิด และตะแกรงตาไก่ 2 ชนิด เพื่อเป็นตัวเลือกในการใชว้สัดทุี่ดีที่สดุในขัน้ตอนต่อไป ข) ออกแบบและจดัทำาโครงอาคารคอนกรตีเสรมิเหล็กจำาลองขนาดชัน้เดียว 1 ชว่ง เพื่อเป็นตัวแทนของอาคารเรยีนแบบ สปช.2/28 ซึ่งเป็นอาคารเรยีนสงู 4 ชัน้ ตามแบบมาตรฐานของกระทรวงศึกษาธกิาร โดยใชเ้ทคนิคการเสรมิกำาลัง 2 แบบได้แก่ โครงอาคารที่เสรมิกำาลังเสา-คานและผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก ด้วยเทคนิคเฟอรโ์รซเีมนต์ และโครงอาคารที่เสรมิกำาลังด้วยเทคนิคการประกอบหุม้เสา-คานเชื่อมด้วยตะแกรงเหล็กฉีก และเสรมิกำาลังผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก จำานวน 2 โครง ค) ทดสอบความสามารถต้านทานแรงกระทำาทางด้านขา้งของโครงอาคารจำาลอง โดยใชแ้รงกระทำาแบบวฏัจกัร

ผลการทดสอบคณุสมบตัิพื้นฐานของวสัด ุนำาไปใชใ้นการประเมนิกำาลังต้านทานแผ่นดินไหวของโครงอาคารที่มผีนังอิฐก่อซึ่งเสรมิกำาลังด้วยตะแกรงเหล็กขนาดต่างๆ พบวา่ การเสรมิกำาลังผนังอิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีกขนาด

No.22, No.23, XS-31, XS-32 และตะแกรงตาไก่แบบสีเ่หล่ียม SM และแบบหกเหล่ียม HM ใหค้่าการประเมนิกำาลังที่ได้สงูสดุคิดเป็น 1.55, 1.40, 1.44, 1.47, 1.34, 1.31 เท่า เมื่อเปรยีบเทียบกับตัวอยา่งที่ไมเ่สรมิกำาลัง CT ตามลำาดับ ดังนัน้ จงึเลือก การเสรมิกำาลังผนังอิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีกขนาด No.22 ในการเสรมิกำาลังผนังก่ออิฐในโครงอาคารแบบจำาลอง

ผลการทดสอบตัวอยา่งโครงอาคารแบบจำาลองในหอ้งปฏิบติัการ พบวา่ กำาลังต้านทานแรงแผ่นดินไหวของโครงอาคารที่มผีนังก่ออิฐทัง้ 2 แบบ ได้แก่ โครงอาคารที่เสรมิกำาลังเสา-

คานและผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก ด้วยเทคนิคเฟอรโ์รซเีมนต์ และโครงอาคารที่เสรมิกำาลังด้วยเทคนิคการประกอบหุม้เสา-คานเชื่อมด้วยตะแกรงเหล็กฉีก และเสรมิกำาลังผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก ใหค้่ากำาลังรบัแรงกระทำาทางด้านขา้งสงูสดุเท่ากับ 780 kN และ 496 kN ตามลำาดับ เมื่อเปรยีบเทียบกับโครงอาคารเปล่าที่ไมม่ผีนังอิฐ ซึ่งใหก้ำาลังเท่ากับ 120 kN และ 156 kN ตามลำาดับ ดังนัน้ โครงอาคารที่มผีนังอิฐก่อเสรมิกำาลังทัง้ 2 แบบ ใหค่้ากำาลังต้านทานที่สงูกวา่โครงอาคารเปล่า เพิม่ขึ้นเป็น 6.5 เท่า และ 3.22 เท่า ตามลำาดับ แสดงใหเ้หน็วา่ โครงสรา้งที่มีผนังอิฐเสรมิกำาลังชว่ยต้านทานแรงแผ่นดินไหวได้ดีขึ้นกวา่โครงอาคารที่ไมม่กีารก่อผนัง

ผลการวเิคราะหก์ำาลังต้านทานของโครงอาคารเปรยีบเทียบกับผลการทดสอบ พบวา่การประเมนิกำาลังต้านทานแรงแผ่นดินไหวของโครงอาคารที่มผีนังก่ออิฐทัง้ 2 แบบ ได้แก่ โครงอาคารที่เสรมิกำาลังเสา-คานและผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก ด้วยเทคนิคเฟอรโ์รซเีมนต์ และโครงอาคารที่เสรมิกำาลังด้วยเทคนิคการประกอบหุม้เสา-คานเชื่อมด้วยตะแกรงเหล็กฉีก และเสรมิกำาลังผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก จากทฤษฎีการวบิตัิของผนังอิฐก่อทัง้ 3 ลักษณะ ได้ค่ากำาลังสงูสดุเท่ากับ 791.3 kN และ 532 kN ตามลำาดับ ผลการประเมนิกำาลังเปรยีบเทียบกับผลการทดสอบ พบวา่ โครงอาคารท่ีมผีนังก่ออิฐทัง้ 2 แบบ มค่ีาการประเมนิกำาลังแตกต่างจากผลการทดสอบเท่ากับ 1.45% และ 6.4% ตามลำาดับ แสดงวา่ ผลการวเิคราะหป์ระเมนิกำาลังต้านทานของโครงอาคาร ใหผ้ลสอดคล้องกับผลการทดสอบในหอ้งปฏิบตัิการ

การใชป้ระโยชน์จากผลงานวจิยั สำาหรบัโครงอาคารเรยีนที่มชีัน้แบบผนังอิฐกัน้หอ้ง เสนอแนะใหเ้สรมิกำาลังเสา-คานและผนังก่ออิฐใหม้พีฤติกรรมรว่มกันในการต้านทานแรงแผ่นดินไหวได้ โดยอาจเลือกเทคนิคเสรมิกำาลังเสา-คานด้วยตะแกรงเหล็กเฟอรโ์รซเีมนต์ หรอืเทคนิคการประกอบหุม้เสา-คานเชื่อมด้วยตะแกรงเหล็กฉีก และเสรมิกำาลังผนังก่ออิฐด้วยตะแกรงเหล็กฉีก

(ได้รบัทนุอุดหนุนการวจิยัประจำาปี.......2558................)